วันพฤหัสบดีที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

ร่วมช่วยเหลือสัตว์ยากไร้วัดเวฬุวนารามลำปางกันนะครับ

 






นี่คือคอกแมวของที่วัด ที่จะรับแมว 47 ตัว ที่ถูกทิ้งในคอนโดมา ตอนนี้หลวงพ่อกำลังจะทำคอกใหม่อีกคอกโดยแมวที่เข้ามาจะต้องทำหมันและฉีดวัคซีน โดยคอกที่ทำใหม่นั้นจะมีสิ่งที่แมวชอบมากกว่าคอกนี้ ทั้งหมดนี้เกินจากแรงบุญของสาธุชนคนดีทุกท่านไม่ได้เกี่ยวกับหลวงพ่อ หลวงพ่อแค่คิดแต่ทำได้เพราะทุกคนเมตตา
.
ญาติโยมท่านใดพอมีกำลังก็สามารถร่วมบุญเข้ากองทุนช่วยเหลือสัตว์ยากไร้ของวัดได้ที่ธนาคารกสิกรไทย 163-1-25882-0 วัดเวฬุวนาราม
.


วันอาทิตย์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2565

อาหารต้องห้ามสำหรับสุนัข อ้อนแค่ไหนก็ต้องทน ห้ามให้เด็ดขาด

เป็นบ้างหรือเปล่าที่บางครั้งกำลังจะกินข้าว แต่อยู่ดีๆก็เจอสายตาชวนเห็นใจจากเจ้าปุกปุยสี่เท้าอยู่ข้างๆแล้วก็อดแบ่งให้ไม่ไหว แต่รู้หรือไม่ว่าอาหารที่คุณให้เป็นรางวัลสำหรับความน่ารักก็อาจกลายเป็นอาหารอันตรายสำหรับสุนัขแทน วันนี้เราเลยรวบรวม อาหารอันตรายสำหรับสุนัข ทั้ง 10 ชนิดมาให้ระวังกัน

266122

อาหารต้องห้ามสำหรับน้องหมา

1.นมวัว

เป็นเรื่องจริงที่ดื่มนมเยอะๆแล้วร่างกายแข็งแรง แต่ก็ไม่ใช่นมทุกประเภทสำหรับสุนัข เพราะนมวัวมีน้ำตาลแลคโตสที่เป็นสาเหตุให้ท้องเสีย ควรซื้อผลิตภัณฑ์นมสำหรับสุนัขหรือนมแพะแทนจะปลอดภัยกว่า

2.ช็อกโกแลต

ช็อกโกแลตนอกจากจะมีนมวัวผสมมาด้วยแล้ว สารธีโอโบรมีน (Theobromine) ในช็อกโกแลตยังทำให้สุนัขอาเจียนและหัวใจเต้นเร็วจนเป็นสาเหตุให้กลับดาวน้องหมาได้เลย

3.ถั่ว

ด้วยขนาดของถั่วที่มีเม็ดเล็กอาจเป็นสาเหตุให้สุนัขสำลักได้ รวมถึงไขมันที่สูงอาจทำให้เป็นโรคตับอ่อนอักเสบและลำไส้ปั่นป่วน แต่ก็ใช่ว่าจะห้ามเลยสักทีเดียว เพราะในถั่วเต็มไปด้วยสารอาหารที่ครบถ้วนช่วยบำรุงหัวใจและระบบประสาท หากจะให้จริงก็ควรกินตามคำแนะนำของสัตวแพทย์

4.องุ่น

แม้จะยังไม่รู้ชัดเจนว่าสารพิษใดในองุ่นและผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปนั้นทำให้เกิดอันตรายต่อระบบร่างกายของสุนัข แต่แค่ให้สุนัขทานเพียงนิดเดียวก็เสี่ยงให้เกิดอาการไตวายได้ รวมถึงเมล็ดเล็กๆที่มีในองุ่นก็อาจทำสุนัขติดคอด้วยเช่นกัน

5.ผักประเภทหอมและกระเทียม

ผักจำพวกหอมรวมไปถึงกระเทียมเต็มไปด้วยสารโพรพิลไดซันไฟด์ (Propyl Disulfide) ที่จะคอยทำลายเซลล์เม็ดเลือดแดงของสุนัข ต่อให้ไม่ว่าจะปรุงสุกหรือกินดิบๆ สารดังกล่าวก็ยังไม่หายไปและยังเป็นสาเหตุให้เกิดโรคโลหิตจางได้เหมือนกัน

6.อาหารรสเค็ม

เช่นเดียวกับคนเราหากให้กินในปริมาณที่มากเกินไปก็เป็นสาเหตุของโรคไตในสุนัขได้ ถึงแม้ความเค็มของอาหารจะช่วยให้สุนัขรู้สึกกระปรี้กระเปร่าแต่ก็ควรควบคุมปริมาณให้ไม่เค็มจนเกินไปและมีน้ำให้ดื่มอย่างเพียงพอ

7.อาหารทอด

เพราะน้ำมันที่ใช้ทอดเต็มไปด้วยไขมันอิ่มตัว โดยเฉพาะในน้ำมันหมู และน้ำมันปาล์ม จึงเป็นสาเหตุให้เกิดอาการขนร่วงหนักและภูมิแพ้

8.กระดูก

แม้เห็นในการ์ตูนก็ไม่ควรให้กินเชียวล่ะ เพราะเมื่อกระดูกชิ้นเล็กๆเข้าไปในท้องแล้วจะเป็นอันตรายต่อระบบย่อยอาหาร รวมถึงเศษแหลมๆจากกระดูกสามารถทิ่มกระเพาะให้เกิดแผลได้เลยทีเดียว

9.คาเฟอีน

คาเฟอีนที่ผสมอยู่ในเครื่องดื่มอย่างชา กาแฟ เครื่องดื่มชูกำลัง หรือขนมสำหรับคนนั้น หากให้เพียงนิดเดียวก็ทำให้หัวใจสุนัขทำงานผิดปกติ กล้ามเนื้อเกร็ง และช็อกจนเสียชีวิตได้

10.แอลกอฮอล์

อย่าเล่นแผลงๆเชียว เพราะระบบการขจัดแอลกอฮอล์ในสุนัขไม่ได้ทำงานดีเหมือนกับไตของคนเรา สารมึนเมานี้จะเข้าไปทำร้ายสุนัขให้เกิดอาการอาเจียน ท้องร่วง โคม่าและเสียชีวิตในที่สุด ทางที่ดีควรเก็บไว้ดื่มเองดีกว่า

เพราะระบบร่างกายของมนุษย์และสัตว์แตกต่างกัน เมื่อเอ็นดูแล้วก็ต้องระวังไม่ให้สุนัขได้รับอันตรายด้วยเช่นกัน ทางที่ดีเพื่อความปลอดภัยและลดค่าใช้จ่ายจากการพาไปหาหมอ จึงไม่แนะนำให้สุนัขกินอาหารคน

แต่ถ้าหากสังเกตได้ว่าสุนัขกินอาหารที่ไม่ควรกินเข้าไปควรขอคำแนะนำจากสัตวแพทย์ทันทีเพื่อเราและน้องจะได้อยู่เอ็นดูกันไปนานๆ ห่วงสุขภาพสุนัขแล้วอย่าลืมห่วงสุขภาพตัวเองนะคะ


สมุนไพรบรรเทาโรคไข้หวัดแมว



 สมุนไพรรักษาไข้หวัดแมวที่เคยใช้แล้วได้ผลอาการแมวดีขึ้น

1. ยาเขียวใบโพธิ์ ครั้งละ 1 เม็ด เช้า-เย็น ถ้าให้ทานเป็นเม็ดไม่ได้ ละลายน้ำแล้วใส่ไซริ้งป้อน

2. น้ำผึ้ง+น้ำตะไคร้+น้ำขมิ้น+น้ำต้นและรากตำแยแมว (นำมาหั่นๆและต้มจนเดือดสักพักกรองเอาแต่น้ำ) วันละ 1-2 ครั้ง ครั้งละ 5 ไซริ้ง ป้อนตอนอุ่นๆ จะดีมากๆ 

3.ยาก้างปลา ช่วยเรื่องโรคระบบทางเดินหายใจ ทานประมาณ 7 วันนะคับ

4. เจลป้ายปาก ช่วยให้อยากอาหาร

5.ขนมเลีย จริงๆ เป็นยานะคับที่ทำมาในรูปแบบขนมเลีย สำหรับเพิ่มภูมิต้นทาน เพราะทำมาในรุปแบบยา เขาจะกินยากคับ มีหลายยี่ห้อเลยคับ ลองเลือกดูนะคับ


หมายเหตุ

*หากมีอาการขาดน้ำมาก ควรเติมน้ำเกลือ ถ้าน้ำหนักตัวแมวไม่มาก 4-5 กิโล เติมวันละ 100 ml 

*น้ำผึ้งช่วยเพิ่มภูมิต้านทาน

*น้ำตะใคร้ น้ำขมิ้น ช่วยลดไข้ ละลายเสมหะ บรรเทาอาการหวัด

*น้ำต้นและรากตำแยแมว ช่วยขยายหลอดลม ขับเสมหะ บรรเทาภูมิแพ้ ช่วยกระจายเลือดลม บำรุงปอด


สมุนไพรเหล่านี้ไม่ได้ช่วยรักษาโดยตรง แต่ช่วยให้แมวแข็งแรงและภูมิต้านทานร่างกายสูงขึ้น เมื่อเขาแข็งแรงขึ้นโดยธรรมชาติแล้วก็ทำให้เราขับโรคออกจากร่างกายได้และรอดชีวิตครับ ที่สำคัญอย่าลืมทำวัคซีนแมวให้ครบด้วยนะครับ ป้องกันไว้ดีกว่าแก้ 

วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2565

เทคนิคการใช้สมุนไพรลดไข้ ให้ได้ผลดีและปลอดภัย ทั้งสุนัขและแมว




 ฟ้าทะลายโจร

  ลดไข้


ชื่อวิทยาศาสตร์    Andrographis paniculata ( Burm.f. ) Wall. ex Nees


ชื่อวงศ์   Acanthaceae 


 

 

ฟ้าทะลายโจรที่เหมาะสำหรับ ใช้ลดไข้  ที่มีอาการตัวร้อน ท้องผูก ปัสสาวะเข้ม   

 

สารออกฤทธิ์เป็นสารกลุ่ม Lactone คือ

 

สารแอนโดรกราโฟไลด์ (andrographolide)
สารนีโอแอนโดรกราโฟไลด์ (neo-andrographolide)
14-ดีอ๊อกซี่แอนโดรกราโฟไลด์ (14-deoxy-andrographolide)
 

 

 

สารแอนโดรแกรโฟไลด์ (Andrographpolide) ทดแทนยาปฏิชีวนะ เช่น เพนนิซิลลินและเตตราซัยคลิน 

 

ฤทธิ์แก้ไข้ (antipyretic) และต้านการอักเสบ (anti-inflammatory) 

 

ไม่มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดอาการอุจจาระร่วง  

 

ข้อห้าม  ไม่ควรใช้ในขณะที่ความดันต่ำ  เท้าเย็น  หูเย็น ต้องงดทันที

 

 

 

ข้อบ่งใช้ในสุนัข และแมว

 

1. ใช้เมื่อมีไข้ ตัวร้อน   2. ใช้แทนยาลดไข้แผนปัจจุบัน  เพื่อหลีกเลี่ยงการแพ้ยาโดยเฉพาะในแมว

 

3. ใช้เมื่อมีอาการไข้ และเป็นหวัดร่วม

 

 

 

วิธีการใช้    - ชนิดผง ใช้ผสมน้ำผึ้งให้กิน วันละ 3-4 ครั้ง (1 เม็ด ประมาณ 250  มก)

 

   - ชนิดเม็ด นน.1-3 กก. กินครั้งละ 1 เม็ด  /นน. 3-7 กก. กินครั้งละ 2 เม็ด / เกินกว่า 7 กก. กินครั้งละ 3-5 เม็ด

 

 

 

 

 

 

 

 

 


ยาเขียวหอม  


                   ลดไข้  ไม่กัดกระเพาะเมื่อใช้นาน


 


 

 

 

       ส่วนประกอบในตำหรับยาไทย :  ใบพิมเสน ใบผักกระโฉม ใบหมากผู้ ใบหมากเมีย ใบสันพร้าหอม รากแฝกหอม เปราะหอม จันทน์เทศ จันทน์แดง ว่านกีบแรด ว่านร่อนทอง เนระพูสี พิษนาศน์ มหาสดำ รากไคร้เครือ ดอกพิกุล เกสรบุนนาค เกสรสารภี เกสรบัวหลวง หนักสิ่งละ 1 ส่วน

 

 

 

จันทน์เทศ  

 

สารเคมีที่สำคัญ

 

ในส่วนของน้ำมันหอมระเหย พบสารเคมี ได้แก่ camphor alpha-pinene, camphene,linalool จัดเป็นสารอนุพันธ์ของ Terpenoids

 

myristicin, eugenol จัดเป็นสารในกลุ่ม phenylpropanoids

 

ในลูกจันทน์เทศพบ camphor alpha-pinene และ camphene รวมกันมากถึง 80%

 

 

 

ข้อบ่งใช้ในสุนัข และแมว

 

1. ใช้เมื่อมีไข้ ตัวร้อน   

 

2. ใช้แทนยาลดไข้แผนปัจจุบัน  เพื่อหลีกเลี่ยงการแพ้ยาโดยเฉพาะในแมว 3. ใช้ลดไข้ขณะที่เป็นโรคตับ 4. ใช้ลดไข้ ร่วมกับการรักษาโรคหัดสุนัข และแมว

 

5. ใช้ลดความร้อนในร่างกาย  ระหว่างการใช้เคมีบำบัด 6. ใช้ลดความร้อน และอุณหภูมิในร่างกายเมื่อเกิดแผลอักเสบจากมะเร็งเต้านม หรือมะเร็งอื่นๆ

 

วิธีการใช้    

 

      ชนิดเม็ด  นน.น้อยกว่า 3 กก. กินครั้งละ 1 เม็ด นน. 3-5 กก. กินครั้งละ  2-3 เม็ด  

 

      นน.5-10 กก. กินครั้งละ 3-5 เม็ด  

 

      นน. เกินกว่า 10 กก.  กินครั้งละ 7 เม็ด

 

 

 

ข้อแนะนำ        ***    ทุกตำหรับ และยี่ห้อจะมีจันทน์เทศเป็นส่วนประกอบ  ในกรณีที่มีไข้สูง เนื่องจากพยาธิเม็ดเลือด

 

                        ***    (สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยถ้าไม่ใช้นานเกินไป)

ขอบคุณที่มา https://www.facebook.com/notes/1322580034771377/



 ฟ้าทะลายโจร

  ลดไข้


ชื่อวิทยาศาสตร์    Andrographis paniculata ( Burm.f. ) Wall. ex Nees


ชื่อวงศ์   Acanthaceae 


 

 

ฟ้าทะลายโจรที่เหมาะสำหรับ ใช้ลดไข้  ที่มีอาการตัวร้อน ท้องผูก ปัสสาวะเข้ม   

 

สารออกฤทธิ์เป็นสารกลุ่ม Lactone คือ

 

สารแอนโดรกราโฟไลด์ (andrographolide)
สารนีโอแอนโดรกราโฟไลด์ (neo-andrographolide)
14-ดีอ๊อกซี่แอนโดรกราโฟไลด์ (14-deoxy-andrographolide)
 

 

 

สารแอนโดรแกรโฟไลด์ (Andrographpolide) ทดแทนยาปฏิชีวนะ เช่น เพนนิซิลลินและเตตราซัยคลิน 

 

ฤทธิ์แก้ไข้ (antipyretic) และต้านการอักเสบ (anti-inflammatory) 

 

ไม่มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดอาการอุจจาระร่วง  

 

ข้อห้าม  ไม่ควรใช้ในขณะที่ความดันต่ำ  เท้าเย็น  หูเย็น ต้องงดทันที

 

 

 

ข้อบ่งใช้ในสุนัข และแมว

 

1. ใช้เมื่อมีไข้ ตัวร้อน   2. ใช้แทนยาลดไข้แผนปัจจุบัน  เพื่อหลีกเลี่ยงการแพ้ยาโดยเฉพาะในแมว

 

3. ใช้เมื่อมีอาการไข้ และเป็นหวัดร่วม

 

 

 

วิธีการใช้    - ชนิดผง ใช้ผสมน้ำผึ้งให้กิน วันละ 3-4 ครั้ง (1 เม็ด ประมาณ 250  มก)

 

   - ชนิดเม็ด นน.1-3 กก. กินครั้งละ 1 เม็ด  /นน. 3-7 กก. กินครั้งละ 2 เม็ด / เกินกว่า 7 กก. กินครั้งละ 3-5 เม็ด

 

 

 

 

 

 

 

 

 


ยาเขียวหอม  


                   ลดไข้  ไม่กัดกระเพาะเมื่อใช้นาน


 


 

 

 

       ส่วนประกอบในตำหรับยาไทย :  ใบพิมเสน ใบผักกระโฉม ใบหมากผู้ ใบหมากเมีย ใบสันพร้าหอม รากแฝกหอม เปราะหอม จันทน์เทศ จันทน์แดง ว่านกีบแรด ว่านร่อนทอง เนระพูสี พิษนาศน์ มหาสดำ รากไคร้เครือ ดอกพิกุล เกสรบุนนาค เกสรสารภี เกสรบัวหลวง หนักสิ่งละ 1 ส่วน

 

 

 

จันทน์เทศ  

 

สารเคมีที่สำคัญ

 

ในส่วนของน้ำมันหอมระเหย พบสารเคมี ได้แก่ camphor alpha-pinene, camphene,linalool จัดเป็นสารอนุพันธ์ของ Terpenoids

 

myristicin, eugenol จัดเป็นสารในกลุ่ม phenylpropanoids

 

ในลูกจันทน์เทศพบ camphor alpha-pinene และ camphene รวมกันมากถึง 80%

 

 

 

ข้อบ่งใช้ในสุนัข และแมว

 

1. ใช้เมื่อมีไข้ ตัวร้อน   

 

2. ใช้แทนยาลดไข้แผนปัจจุบัน  เพื่อหลีกเลี่ยงการแพ้ยาโดยเฉพาะในแมว 3. ใช้ลดไข้ขณะที่เป็นโรคตับ 4. ใช้ลดไข้ ร่วมกับการรักษาโรคหัดสุนัข และแมว

 

5. ใช้ลดความร้อนในร่างกาย  ระหว่างการใช้เคมีบำบัด 6. ใช้ลดความร้อน และอุณหภูมิในร่างกายเมื่อเกิดแผลอักเสบจากมะเร็งเต้านม หรือมะเร็งอื่นๆ

 

วิธีการใช้    

 

      ชนิดเม็ด  นน.น้อยกว่า 3 กก. กินครั้งละ 1 เม็ด นน. 3-5 กก. กินครั้งละ  2-3 เม็ด  

 

      นน.5-10 กก. กินครั้งละ 3-5 เม็ด  

 

      นน. เกินกว่า 10 กก.  กินครั้งละ 7 เม็ด

 

 

 

ข้อแนะนำ        ***    ทุกตำหรับ และยี่ห้อจะมีจันทน์เทศเป็นส่วนประกอบ  ในกรณีที่มีไข้สูง เนื่องจากพยาธิเม็ดเลือด

 

                        ***    (สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยถ้าไม่ใช้นานเกินไป)

ขอบคุณที่มา https://www.facebook.com/notes/1322580034771377/

ทาสแมวรู้ไว้: ตะไคร้ ช่วยได้

 ทาสแมวรู้ไว้: ตะไคร้ ช่วยได้

ทาสแมวรู้ไว้: ตะไคร้ ช่วยได้

ทาสแมวรู้ไว้: ตะไคร้ ช่วยได้
.
… คุณสินี เชาวน์วิทยางกูร แฟนคลับชาวเชียงใหม่ของหมอต้อม แม่หมอสมุนไพรอภัยภูเบศร เล่าเรื่องสมุนไพรใช้กับสัตว์เลี้ยง ทาสแมวทั้งหลายห้ามพลาด
.
… “ตะไคร้เป็นยารักษาแมวและสุนัขดีที่สุด เมื่อสมัยเป็นเด็กที่บ้านเลี้ยงแมว เวลาแมวไม่สบาย
.
… คุณแม่ของป้าเอาต้นตะไคร้มาทุบๆ แล้วแช่คั้นเอาน้ำตะไคร้มากรอกปากให้แมว กิน 2-3 วัน แมวก็หายเป็นปกติ
.
… มีครั้งหนึ่งแมวตัวเมียไปถูกแมวตัวผู้กัดจนสะบักสะบอมกัดที่ขาด้วย ขาข้างหนึ่งมันกัดจนหนังขาด ทะลุมองเห็นกระดูกขาว เดินไม่ได้ กินไม่ได้
.
… ป้าก็เอาตะไคร้มาทุบ คั้นเอาน้ำตะไคร้ให้กิน เอาช้อนตักกรอกเข้าไปในปาก ส่วนตะไคร้ก็เอามาทุบให้แหลกๆ เอามาพันขาข้างที่เจ็บ
.
…พอรุ่งขึ้นอีก 2 วัน หนังขาก็ติดกันหุ้มกระดูก ไม่กี่วันก็หาย เดินได้ กินได้เป็นปกติ ”

ขอบคุณที่มา https://synergyjapan.com/%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B9%84%E0%B8%A7%E0%B9%89-%E0%B8%95%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%89-%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%A7/

น้ำขมิ้นผสมน้ำใบตะไคร้ ช่วยแมวให้หายป่วยได้

 น้ำขมิ้นผสมน้ำใบตะไคร้  ช่วยแมวให้หายป่วยได้

น้ำขมิ้นผสมน้ำใบตะไคร้  ช่วยแมวให้หายป่วยได้ไม่ว่าใครก็ตามที่เลี้ยงแมว เพื่อนรักจอมหยิ่งไว้เป็นนายเรา ในฐานะของทาสแมวอย่างเรา ๆ ทุกคนแล้ว การได้ใช้ชีวิตร่วมกับการออดอ้อนของแมวเหมียวแสนนรักนั้นนับว่าเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุด เหนื่อย ๆ งานมาได้ยินเสียงร้องเรียก เดินมาคลอเคลียก็ทำให้ยิ้มออก

แต่จะทำอย่างไร ถ้าวันหนึ่ง เจ้าแมวของเราเปลี่ยนไป ทั้งดูอ่อนล้า เซื่องซึม อาการไม่สู้ดี ถ้ามีสัตวแพทย์อยู่ใกล้คงไม่ยากเท่าไหร่ แต่หากว่าอยู่ไกลจนอาจจะไม่ทันเวลาล่ะ ?

ฉะนั้นแล้ว ในวันนี้ ผู้เขียนก็มีวิธีการรักษาอาการเบื้องต้นของเจ้าแมวแสนรักมาบอกกล่าวกันนะคะ ซึ่งทั้งหมดนำมาจากประสบการณ์จริง และจากเจ้าแมวที่ผู้เขียนเลี้ยงจริง ๆ โดยการรักษานั้นไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย...แค่สมุนไพรพื้นบ้านที่หาได้ง่าย ๆ เท่านั้น...ได้แค่ขมิ้น และตะไคร้

น้ำขมิ้นผสมน้ำใบตะไคร้  ช่วยแมวให้หายป่วยได้ขอบคุณภาพจาก Pixabay

1. หั่นขมิ้น 3 - 5 แว่น หรือนำขมิ้นเป็นที่เป็นหัวมาหั่นให้เล็กพอดีพอดี แล้วมาทุบหรือตำให้ละเอียดตักใส่ไว้ในภาชนะ


2. นำต้นตะไคร้ 1 - 2 ต้น มาตัดเฉพาะใบแล้วขยี้จนใบตะไคร้เละ ๆ เพื่อบีบน้ำออกมา


3. เอาขมิ้นที่ทุบละเอียดมาผสมกับใบตะไคร้ที่ขยี้ แล้วเอาน้ำดื่มในปริมาณที่เราต้องการเทใส่ภาชนะที่เตรียมไว้ จากนั้นก็ขยี้รวมกันอีกรอบ


4. นำผ้าสะอาดมากรอง เอาเศษขมิ้นกับตะไคร้ออกเพื่อง่ายต่อการให้แมวได้กิน แล้วจับบีบกรางแมวให้ปากแมวมันอ้าเล็กน้อย จากนั้นก็ค่อย ๆ เทน้ำที่กรองไว้ใส่ปากทีละนิด (แมวจะดิ้นมาก อย่าเทน้ำใส่ปากเยอะเกิน เพราะจะทำให้แมวตกใจดิ้นจนหลุด แล้วอาจเกิดอันตรายโดนแมวข่วนหรือกัดได้)

น้ำขมิ้นผสมน้ำตะไคร้ ช่วยแมวให้หายป่วยไดภาพโดย ผู้เขียน (ช่วงที่เจ้าแมวป่วย จะผอมมาก)


ระยะเวลาการรักษาขึ้นอยู่กับอาการป่วยของแมว จากประสบการณ์ของผู้เขียนที่รักษาแมว มีอาการซึม ๆ มีขี้ตาออกก็ประมาณ 1 อาทิตย์ ถ้าได้รับบาดเจ็บจากการทุบตีแต่ไม่มีเลือดก็ประมาณ 2 อาทิตย์นะคะ แต่สิ่งที่ทำให้ได้รู้ถึงอาการแมวหลังจากได้กินน้ำขมิ้นผสมน้ำตะไคร้คือ


1. แมวจะฉี่เยอะ และเหม็นมาก เจ้าของต้องค่อยป้อนน้ำตะไคร้ทุก ๆ ชั่วโมง ใน 1 - 2 วันแรก หากอาการแมวดีขึ้น ค่อยให้น้ำเป็นเป็น 3 - 4 ครั้งต่อวัน และค่อยดูอาการไปเรื่อย ๆ


2. แมวจะส่งเสียงร้องขออาหารจากเจ้าของ หลังจากกินน้ำขมิ้นกับตะไคร้ และเจ้าแมวจะฉี่บ่อยมาก จนก่อให้เกิดอาการหิว (เจ้าของรีบ ๆ ให้อาหารมันนะ แสดงว่าอาการแมวของตัวเองนั้นค่อย ๆ ดีขึ้นแล้ว)

น้ำขมิ้นผสมน้ำตะไคร้ ช่วยแมวให้หายป่วยไดภาพโดย ผู้เขียน (อาการดีขึ้นแล้ว)


ผู้เขียนเองเคยได้เห็นพ่อแม่รักษาชีวิตแมวแบบชาวบ้านเค้าทำกัน ไม่ได้เอาแมวไปหาหมอสัตว์ หรือต้องให้แมวกินยา ก็เคยมีความสงสัยเช่นกันว่าทำไมต้องเป็นน้ำขมิ้นกับตะไคร้ จนมารู้ทีหลังว่า


ขมิ้นมีสรรพาคุณทำให้ให้ขับสารพิษออกจากร่างกายได้ และเพิ่มภูมิต้านทานให้กับร่างกายเป็นอย่างดี
ใบตะไคร้สด จะไปช่วยให้ลดไข้ให้แมวได้แถมขับลมได้ดี

ขอบคุณที่มา https://intrend.trueid.net/north/mae-hong-son/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%82%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B9%83%E0%B8%9A%E0%B8%95%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%89-%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%9B%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89-trueidintrend_72516

วันพุธที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2565

การเลี้ยงสุนัขและแมว (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ )

 2348-1.jpg


การเลี้ยงสุนัขและแมว

โดย หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง

สุนัขและแมวที่ท่านเลี้ยงไว้นั้น ท่านคุยกับมันรู้เรื่องทุกตัว ดังนั้นการดูแลทุกข์สุขและอาหารการกินจึงสมบูรณ์ พอหน้าหนาวหลวงพ่อจะให้พระก่อไฟเป็นกองๆตามลานซีเมนต์ เพื่อให้สุนัขได้ผิงไฟแก้หนาวเสมอมา

ครั้งหนึ่งหลวงพ่อลงมาสอนกรรมฐานที่กรุงเทพฯ พอกลับไปถึงกุฏิที่วัด คุณเอี่ยมคนเลี้ยงแมวก็มารายงานว่า ” พอหลวงพ่อไปกรุงเทพฯ แมวก็ไม่กินข้าว ”

หลวงพ่อก็ย้อนทันที่ว่า ” แกเรียกมันว่าอีใช่ไหมล่ะ ”

คุณเอี่ยมถามว่า ” หลวงพ่อรู้ได้ไง ”

ท่านตอบว่า ” ก็มันฟ้องข้าอยู่นี่ไง ”

กลางปี 2526 คุณฉวีวรรณ สรรพกิจ ได้ถวายสุนัขพันธ์ไทยหลังอานเพศเมีย 1 ตัวและพันธ์ไทยธรรมดา 1 ตัว ตัวผู้มาจากโคราช หลวงพ่อตั้งชื่อว่า ” นิล ” เพราะเธอมีสีดำตลอดตัว อกขาวเล็กน้อย เพศเมียตัวเล็ก เป็นลูกสุนัข ขณะที่ถวายไปมีหลังอาน สีน้ำตาล เรียกว่า หลังอานไวโอลิน เธอมาจากจังหวัดตราด หลวงพ่อตั้งชื่อว่า ” นาก ”

โดยปกติหลวงพ่อท่านก็เลี้ยงสุนัขและแมวเป็นประจำอยู่แล้วหลายสิบตัว ทุกกุฏิที่ท่านอยู่จะต้องมีสัตว์ 2 ประเภทนี้ประจำการเสมอ เท่าที่สำคัญก็มี สิงห์ดอก โคล่า เจ้าอ้วน เจ้าดม ฯลฯ รวมทั้งสุนัขเดินหลงทาง สุนัขจรจัด ขาดที่พึ่งก็มีมาก คนไปปล่อยวัดก็มีมาก พระในวัดท่าซุงเกือบทุกองค์มีสุนัขอาศัยอยู่ด้วยทั้งสิ้น

หลวงพ่อเลี้ยงเธออย่างอิสระไม่ขังกรง แต่มีอาณาเขตกว้างขวางในรั้วรอบขอบชิด ไม่ปนกับสุนัขภายนอก สุนัขทั้งคู่นี้เธอแสนรู้มาก หลวงพ่อพูดภาษาไทยกับเธอ เธอรู้เรื่องทุกคำ และปฏิบัติตามตลอดไม่เคยลืม คนเราเสียอีกยังมีลืมบ้าง แต่สุนัขไม่ลืม

จาก 2 ชีวิต ขยายพันธ์กันในพวกเดียวกันนี่แหละ มิได้ปนกับสุนัขภายนอกเลย เวลานี้ถ้าไม่ตายเสียบ้างก็นับไม่ถ้วน เอาเฉพาะที่ยังอยู่ก็เกือบ 300 ชีวิต ปี 2532 หลวงพ่อย้ายที่พักจากตึกกลางน้ำไปอยู่ข้างวิหารแก้ว 100 เมตร และอยู่ที่นี่จนวาระสุดท้ายของชีวิตท่าน

หลวงพ่อท่านบอกเสมอทุกครั้งที่สุนัขคลอดลูกออกมาใหม่ ท่านตั้งชื่อให้แล้วบอกว่าตัวนี้เป็นใคร มาจากไหน เดิมชื่ออะไร ตายเพราะอะไร ลงมาเกิดเป็นสุนัขของหลวงพ่อเพราะอะไร และวันไหนที่สุนัขตาย หลวงพ่อจะบอกว่า เธอไปอยู่ที่ไหน มารายงานตัวแล้ว ก่อนตายเธอคิดอย่างไร

ผลสรุปก็คือ สุนัขทุกตัว เธอมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ 90 เปอร์เซนต์ นอกนั้นก็มาจากพรหม และจาตุมหาราช ไม่มีมาจากอบายภูมิเลย

ยามเย็นหลวงพ่อกลับจากทำงาน ลงจากตึกรับแขกกลับที่พัก หลวงพ่อจะลงนั่งกับพื้นปล่อยให้สุนัขเล็ก-ใหญ่ ทั้งหลายรุมเล่นท่าน งับแขน เลียมือ ดึงสายรัดเอว งับนิ้ว ดึงกุญแจ ดึงอังสะตามแต่เธอจะทำด้วยความคิดถึง แล้วหลวงพ่อก็ไปเยี่ยมสุนัขแม่ลูกอ่อนทีละห้องจนครบทุกแม่ บางแม่ก็มาตามหลวงพ่อเพราะยังไม่ถึงห้องเขาก็มาคอยรับหลวงพ่อแล้วพาไปดูลูกเขา หลวงพ่อจะเข้าไปในห้องเขา จัดที่นอนปูให้เรียบร้อย จับลูกเขามานอนตักท่าน สุนัขทุกตัวผ่านการนอนตักหลวงพ่อทั้งนั้น หลวงพ่อท่านทำประดุจเป็นพ่อบังเกิดเกล้าของเธอทุกตัว ดังนั้นสุนัขทุกตัวจึงรักหลวงพ่อ แม้เพียงได้ยินเสียงหลวงพ่อเขาก็เห่าหอนต้อนรับเกรียวกราว หลวงพ่อบอกว่า ให้หมาติดผ้าเหลืองไว้ ตายแล้วไปสวรรค์ทุกตัว

ยามค่ำคืนเมื่อเกิดฝนตก ฟ้าร้องน่ากลัว สุนัขกลัวเสียงฟ้าร้องมาก เขาจะพากันวิ่งไปรอบหน้ากุฏิหลวงพ่อ ฝ่าฝนเปียกปอนไปให้ถึงหลวงพ่อ แล้วหลวงพ่อก็ออกมานั่งกับพื้นเป็นเพื่อนปลอบใจเขามิให้กลัว จนกว่าฝนฟ้าคะนองจะหมดไป

(จากหนังสือ ” ประวัติหลวงพ่อพระราชพรหมยาน ” หน้า 427)



ที่มา บันทึกธรรมพระราชพรหมยาน