วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2565

เทคนิคการใช้สมุนไพรลดไข้ ให้ได้ผลดีและปลอดภัย ทั้งสุนัขและแมว




 ฟ้าทะลายโจร

  ลดไข้


ชื่อวิทยาศาสตร์    Andrographis paniculata ( Burm.f. ) Wall. ex Nees


ชื่อวงศ์   Acanthaceae 


 

 

ฟ้าทะลายโจรที่เหมาะสำหรับ ใช้ลดไข้  ที่มีอาการตัวร้อน ท้องผูก ปัสสาวะเข้ม   

 

สารออกฤทธิ์เป็นสารกลุ่ม Lactone คือ

 

สารแอนโดรกราโฟไลด์ (andrographolide)
สารนีโอแอนโดรกราโฟไลด์ (neo-andrographolide)
14-ดีอ๊อกซี่แอนโดรกราโฟไลด์ (14-deoxy-andrographolide)
 

 

 

สารแอนโดรแกรโฟไลด์ (Andrographpolide) ทดแทนยาปฏิชีวนะ เช่น เพนนิซิลลินและเตตราซัยคลิน 

 

ฤทธิ์แก้ไข้ (antipyretic) และต้านการอักเสบ (anti-inflammatory) 

 

ไม่มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดอาการอุจจาระร่วง  

 

ข้อห้าม  ไม่ควรใช้ในขณะที่ความดันต่ำ  เท้าเย็น  หูเย็น ต้องงดทันที

 

 

 

ข้อบ่งใช้ในสุนัข และแมว

 

1. ใช้เมื่อมีไข้ ตัวร้อน   2. ใช้แทนยาลดไข้แผนปัจจุบัน  เพื่อหลีกเลี่ยงการแพ้ยาโดยเฉพาะในแมว

 

3. ใช้เมื่อมีอาการไข้ และเป็นหวัดร่วม

 

 

 

วิธีการใช้    - ชนิดผง ใช้ผสมน้ำผึ้งให้กิน วันละ 3-4 ครั้ง (1 เม็ด ประมาณ 250  มก)

 

   - ชนิดเม็ด นน.1-3 กก. กินครั้งละ 1 เม็ด  /นน. 3-7 กก. กินครั้งละ 2 เม็ด / เกินกว่า 7 กก. กินครั้งละ 3-5 เม็ด

 

 

 

 

 

 

 

 

 


ยาเขียวหอม  


                   ลดไข้  ไม่กัดกระเพาะเมื่อใช้นาน


 


 

 

 

       ส่วนประกอบในตำหรับยาไทย :  ใบพิมเสน ใบผักกระโฉม ใบหมากผู้ ใบหมากเมีย ใบสันพร้าหอม รากแฝกหอม เปราะหอม จันทน์เทศ จันทน์แดง ว่านกีบแรด ว่านร่อนทอง เนระพูสี พิษนาศน์ มหาสดำ รากไคร้เครือ ดอกพิกุล เกสรบุนนาค เกสรสารภี เกสรบัวหลวง หนักสิ่งละ 1 ส่วน

 

 

 

จันทน์เทศ  

 

สารเคมีที่สำคัญ

 

ในส่วนของน้ำมันหอมระเหย พบสารเคมี ได้แก่ camphor alpha-pinene, camphene,linalool จัดเป็นสารอนุพันธ์ของ Terpenoids

 

myristicin, eugenol จัดเป็นสารในกลุ่ม phenylpropanoids

 

ในลูกจันทน์เทศพบ camphor alpha-pinene และ camphene รวมกันมากถึง 80%

 

 

 

ข้อบ่งใช้ในสุนัข และแมว

 

1. ใช้เมื่อมีไข้ ตัวร้อน   

 

2. ใช้แทนยาลดไข้แผนปัจจุบัน  เพื่อหลีกเลี่ยงการแพ้ยาโดยเฉพาะในแมว 3. ใช้ลดไข้ขณะที่เป็นโรคตับ 4. ใช้ลดไข้ ร่วมกับการรักษาโรคหัดสุนัข และแมว

 

5. ใช้ลดความร้อนในร่างกาย  ระหว่างการใช้เคมีบำบัด 6. ใช้ลดความร้อน และอุณหภูมิในร่างกายเมื่อเกิดแผลอักเสบจากมะเร็งเต้านม หรือมะเร็งอื่นๆ

 

วิธีการใช้    

 

      ชนิดเม็ด  นน.น้อยกว่า 3 กก. กินครั้งละ 1 เม็ด นน. 3-5 กก. กินครั้งละ  2-3 เม็ด  

 

      นน.5-10 กก. กินครั้งละ 3-5 เม็ด  

 

      นน. เกินกว่า 10 กก.  กินครั้งละ 7 เม็ด

 

 

 

ข้อแนะนำ        ***    ทุกตำหรับ และยี่ห้อจะมีจันทน์เทศเป็นส่วนประกอบ  ในกรณีที่มีไข้สูง เนื่องจากพยาธิเม็ดเลือด

 

                        ***    (สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยถ้าไม่ใช้นานเกินไป)

ขอบคุณที่มา https://www.facebook.com/notes/1322580034771377/



 ฟ้าทะลายโจร

  ลดไข้


ชื่อวิทยาศาสตร์    Andrographis paniculata ( Burm.f. ) Wall. ex Nees


ชื่อวงศ์   Acanthaceae 


 

 

ฟ้าทะลายโจรที่เหมาะสำหรับ ใช้ลดไข้  ที่มีอาการตัวร้อน ท้องผูก ปัสสาวะเข้ม   

 

สารออกฤทธิ์เป็นสารกลุ่ม Lactone คือ

 

สารแอนโดรกราโฟไลด์ (andrographolide)
สารนีโอแอนโดรกราโฟไลด์ (neo-andrographolide)
14-ดีอ๊อกซี่แอนโดรกราโฟไลด์ (14-deoxy-andrographolide)
 

 

 

สารแอนโดรแกรโฟไลด์ (Andrographpolide) ทดแทนยาปฏิชีวนะ เช่น เพนนิซิลลินและเตตราซัยคลิน 

 

ฤทธิ์แก้ไข้ (antipyretic) และต้านการอักเสบ (anti-inflammatory) 

 

ไม่มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดอาการอุจจาระร่วง  

 

ข้อห้าม  ไม่ควรใช้ในขณะที่ความดันต่ำ  เท้าเย็น  หูเย็น ต้องงดทันที

 

 

 

ข้อบ่งใช้ในสุนัข และแมว

 

1. ใช้เมื่อมีไข้ ตัวร้อน   2. ใช้แทนยาลดไข้แผนปัจจุบัน  เพื่อหลีกเลี่ยงการแพ้ยาโดยเฉพาะในแมว

 

3. ใช้เมื่อมีอาการไข้ และเป็นหวัดร่วม

 

 

 

วิธีการใช้    - ชนิดผง ใช้ผสมน้ำผึ้งให้กิน วันละ 3-4 ครั้ง (1 เม็ด ประมาณ 250  มก)

 

   - ชนิดเม็ด นน.1-3 กก. กินครั้งละ 1 เม็ด  /นน. 3-7 กก. กินครั้งละ 2 เม็ด / เกินกว่า 7 กก. กินครั้งละ 3-5 เม็ด

 

 

 

 

 

 

 

 

 


ยาเขียวหอม  


                   ลดไข้  ไม่กัดกระเพาะเมื่อใช้นาน


 


 

 

 

       ส่วนประกอบในตำหรับยาไทย :  ใบพิมเสน ใบผักกระโฉม ใบหมากผู้ ใบหมากเมีย ใบสันพร้าหอม รากแฝกหอม เปราะหอม จันทน์เทศ จันทน์แดง ว่านกีบแรด ว่านร่อนทอง เนระพูสี พิษนาศน์ มหาสดำ รากไคร้เครือ ดอกพิกุล เกสรบุนนาค เกสรสารภี เกสรบัวหลวง หนักสิ่งละ 1 ส่วน

 

 

 

จันทน์เทศ  

 

สารเคมีที่สำคัญ

 

ในส่วนของน้ำมันหอมระเหย พบสารเคมี ได้แก่ camphor alpha-pinene, camphene,linalool จัดเป็นสารอนุพันธ์ของ Terpenoids

 

myristicin, eugenol จัดเป็นสารในกลุ่ม phenylpropanoids

 

ในลูกจันทน์เทศพบ camphor alpha-pinene และ camphene รวมกันมากถึง 80%

 

 

 

ข้อบ่งใช้ในสุนัข และแมว

 

1. ใช้เมื่อมีไข้ ตัวร้อน   

 

2. ใช้แทนยาลดไข้แผนปัจจุบัน  เพื่อหลีกเลี่ยงการแพ้ยาโดยเฉพาะในแมว 3. ใช้ลดไข้ขณะที่เป็นโรคตับ 4. ใช้ลดไข้ ร่วมกับการรักษาโรคหัดสุนัข และแมว

 

5. ใช้ลดความร้อนในร่างกาย  ระหว่างการใช้เคมีบำบัด 6. ใช้ลดความร้อน และอุณหภูมิในร่างกายเมื่อเกิดแผลอักเสบจากมะเร็งเต้านม หรือมะเร็งอื่นๆ

 

วิธีการใช้    

 

      ชนิดเม็ด  นน.น้อยกว่า 3 กก. กินครั้งละ 1 เม็ด นน. 3-5 กก. กินครั้งละ  2-3 เม็ด  

 

      นน.5-10 กก. กินครั้งละ 3-5 เม็ด  

 

      นน. เกินกว่า 10 กก.  กินครั้งละ 7 เม็ด

 

 

 

ข้อแนะนำ        ***    ทุกตำหรับ และยี่ห้อจะมีจันทน์เทศเป็นส่วนประกอบ  ในกรณีที่มีไข้สูง เนื่องจากพยาธิเม็ดเลือด

 

                        ***    (สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยถ้าไม่ใช้นานเกินไป)

ขอบคุณที่มา https://www.facebook.com/notes/1322580034771377/

ทาสแมวรู้ไว้: ตะไคร้ ช่วยได้

 ทาสแมวรู้ไว้: ตะไคร้ ช่วยได้

ทาสแมวรู้ไว้: ตะไคร้ ช่วยได้

ทาสแมวรู้ไว้: ตะไคร้ ช่วยได้
.
… คุณสินี เชาวน์วิทยางกูร แฟนคลับชาวเชียงใหม่ของหมอต้อม แม่หมอสมุนไพรอภัยภูเบศร เล่าเรื่องสมุนไพรใช้กับสัตว์เลี้ยง ทาสแมวทั้งหลายห้ามพลาด
.
… “ตะไคร้เป็นยารักษาแมวและสุนัขดีที่สุด เมื่อสมัยเป็นเด็กที่บ้านเลี้ยงแมว เวลาแมวไม่สบาย
.
… คุณแม่ของป้าเอาต้นตะไคร้มาทุบๆ แล้วแช่คั้นเอาน้ำตะไคร้มากรอกปากให้แมว กิน 2-3 วัน แมวก็หายเป็นปกติ
.
… มีครั้งหนึ่งแมวตัวเมียไปถูกแมวตัวผู้กัดจนสะบักสะบอมกัดที่ขาด้วย ขาข้างหนึ่งมันกัดจนหนังขาด ทะลุมองเห็นกระดูกขาว เดินไม่ได้ กินไม่ได้
.
… ป้าก็เอาตะไคร้มาทุบ คั้นเอาน้ำตะไคร้ให้กิน เอาช้อนตักกรอกเข้าไปในปาก ส่วนตะไคร้ก็เอามาทุบให้แหลกๆ เอามาพันขาข้างที่เจ็บ
.
…พอรุ่งขึ้นอีก 2 วัน หนังขาก็ติดกันหุ้มกระดูก ไม่กี่วันก็หาย เดินได้ กินได้เป็นปกติ ”

ขอบคุณที่มา https://synergyjapan.com/%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B9%84%E0%B8%A7%E0%B9%89-%E0%B8%95%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%89-%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%A7/

น้ำขมิ้นผสมน้ำใบตะไคร้ ช่วยแมวให้หายป่วยได้

 น้ำขมิ้นผสมน้ำใบตะไคร้  ช่วยแมวให้หายป่วยได้

น้ำขมิ้นผสมน้ำใบตะไคร้  ช่วยแมวให้หายป่วยได้ไม่ว่าใครก็ตามที่เลี้ยงแมว เพื่อนรักจอมหยิ่งไว้เป็นนายเรา ในฐานะของทาสแมวอย่างเรา ๆ ทุกคนแล้ว การได้ใช้ชีวิตร่วมกับการออดอ้อนของแมวเหมียวแสนนรักนั้นนับว่าเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุด เหนื่อย ๆ งานมาได้ยินเสียงร้องเรียก เดินมาคลอเคลียก็ทำให้ยิ้มออก

แต่จะทำอย่างไร ถ้าวันหนึ่ง เจ้าแมวของเราเปลี่ยนไป ทั้งดูอ่อนล้า เซื่องซึม อาการไม่สู้ดี ถ้ามีสัตวแพทย์อยู่ใกล้คงไม่ยากเท่าไหร่ แต่หากว่าอยู่ไกลจนอาจจะไม่ทันเวลาล่ะ ?

ฉะนั้นแล้ว ในวันนี้ ผู้เขียนก็มีวิธีการรักษาอาการเบื้องต้นของเจ้าแมวแสนรักมาบอกกล่าวกันนะคะ ซึ่งทั้งหมดนำมาจากประสบการณ์จริง และจากเจ้าแมวที่ผู้เขียนเลี้ยงจริง ๆ โดยการรักษานั้นไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย...แค่สมุนไพรพื้นบ้านที่หาได้ง่าย ๆ เท่านั้น...ได้แค่ขมิ้น และตะไคร้

น้ำขมิ้นผสมน้ำใบตะไคร้  ช่วยแมวให้หายป่วยได้ขอบคุณภาพจาก Pixabay

1. หั่นขมิ้น 3 - 5 แว่น หรือนำขมิ้นเป็นที่เป็นหัวมาหั่นให้เล็กพอดีพอดี แล้วมาทุบหรือตำให้ละเอียดตักใส่ไว้ในภาชนะ


2. นำต้นตะไคร้ 1 - 2 ต้น มาตัดเฉพาะใบแล้วขยี้จนใบตะไคร้เละ ๆ เพื่อบีบน้ำออกมา


3. เอาขมิ้นที่ทุบละเอียดมาผสมกับใบตะไคร้ที่ขยี้ แล้วเอาน้ำดื่มในปริมาณที่เราต้องการเทใส่ภาชนะที่เตรียมไว้ จากนั้นก็ขยี้รวมกันอีกรอบ


4. นำผ้าสะอาดมากรอง เอาเศษขมิ้นกับตะไคร้ออกเพื่อง่ายต่อการให้แมวได้กิน แล้วจับบีบกรางแมวให้ปากแมวมันอ้าเล็กน้อย จากนั้นก็ค่อย ๆ เทน้ำที่กรองไว้ใส่ปากทีละนิด (แมวจะดิ้นมาก อย่าเทน้ำใส่ปากเยอะเกิน เพราะจะทำให้แมวตกใจดิ้นจนหลุด แล้วอาจเกิดอันตรายโดนแมวข่วนหรือกัดได้)

น้ำขมิ้นผสมน้ำตะไคร้ ช่วยแมวให้หายป่วยไดภาพโดย ผู้เขียน (ช่วงที่เจ้าแมวป่วย จะผอมมาก)


ระยะเวลาการรักษาขึ้นอยู่กับอาการป่วยของแมว จากประสบการณ์ของผู้เขียนที่รักษาแมว มีอาการซึม ๆ มีขี้ตาออกก็ประมาณ 1 อาทิตย์ ถ้าได้รับบาดเจ็บจากการทุบตีแต่ไม่มีเลือดก็ประมาณ 2 อาทิตย์นะคะ แต่สิ่งที่ทำให้ได้รู้ถึงอาการแมวหลังจากได้กินน้ำขมิ้นผสมน้ำตะไคร้คือ


1. แมวจะฉี่เยอะ และเหม็นมาก เจ้าของต้องค่อยป้อนน้ำตะไคร้ทุก ๆ ชั่วโมง ใน 1 - 2 วันแรก หากอาการแมวดีขึ้น ค่อยให้น้ำเป็นเป็น 3 - 4 ครั้งต่อวัน และค่อยดูอาการไปเรื่อย ๆ


2. แมวจะส่งเสียงร้องขออาหารจากเจ้าของ หลังจากกินน้ำขมิ้นกับตะไคร้ และเจ้าแมวจะฉี่บ่อยมาก จนก่อให้เกิดอาการหิว (เจ้าของรีบ ๆ ให้อาหารมันนะ แสดงว่าอาการแมวของตัวเองนั้นค่อย ๆ ดีขึ้นแล้ว)

น้ำขมิ้นผสมน้ำตะไคร้ ช่วยแมวให้หายป่วยไดภาพโดย ผู้เขียน (อาการดีขึ้นแล้ว)


ผู้เขียนเองเคยได้เห็นพ่อแม่รักษาชีวิตแมวแบบชาวบ้านเค้าทำกัน ไม่ได้เอาแมวไปหาหมอสัตว์ หรือต้องให้แมวกินยา ก็เคยมีความสงสัยเช่นกันว่าทำไมต้องเป็นน้ำขมิ้นกับตะไคร้ จนมารู้ทีหลังว่า


ขมิ้นมีสรรพาคุณทำให้ให้ขับสารพิษออกจากร่างกายได้ และเพิ่มภูมิต้านทานให้กับร่างกายเป็นอย่างดี
ใบตะไคร้สด จะไปช่วยให้ลดไข้ให้แมวได้แถมขับลมได้ดี

ขอบคุณที่มา https://intrend.trueid.net/north/mae-hong-son/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%82%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B9%83%E0%B8%9A%E0%B8%95%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%89-%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%9B%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89-trueidintrend_72516

วันพุธที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2565

การเลี้ยงสุนัขและแมว (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ )

 2348-1.jpg


การเลี้ยงสุนัขและแมว

โดย หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง

สุนัขและแมวที่ท่านเลี้ยงไว้นั้น ท่านคุยกับมันรู้เรื่องทุกตัว ดังนั้นการดูแลทุกข์สุขและอาหารการกินจึงสมบูรณ์ พอหน้าหนาวหลวงพ่อจะให้พระก่อไฟเป็นกองๆตามลานซีเมนต์ เพื่อให้สุนัขได้ผิงไฟแก้หนาวเสมอมา

ครั้งหนึ่งหลวงพ่อลงมาสอนกรรมฐานที่กรุงเทพฯ พอกลับไปถึงกุฏิที่วัด คุณเอี่ยมคนเลี้ยงแมวก็มารายงานว่า ” พอหลวงพ่อไปกรุงเทพฯ แมวก็ไม่กินข้าว ”

หลวงพ่อก็ย้อนทันที่ว่า ” แกเรียกมันว่าอีใช่ไหมล่ะ ”

คุณเอี่ยมถามว่า ” หลวงพ่อรู้ได้ไง ”

ท่านตอบว่า ” ก็มันฟ้องข้าอยู่นี่ไง ”

กลางปี 2526 คุณฉวีวรรณ สรรพกิจ ได้ถวายสุนัขพันธ์ไทยหลังอานเพศเมีย 1 ตัวและพันธ์ไทยธรรมดา 1 ตัว ตัวผู้มาจากโคราช หลวงพ่อตั้งชื่อว่า ” นิล ” เพราะเธอมีสีดำตลอดตัว อกขาวเล็กน้อย เพศเมียตัวเล็ก เป็นลูกสุนัข ขณะที่ถวายไปมีหลังอาน สีน้ำตาล เรียกว่า หลังอานไวโอลิน เธอมาจากจังหวัดตราด หลวงพ่อตั้งชื่อว่า ” นาก ”

โดยปกติหลวงพ่อท่านก็เลี้ยงสุนัขและแมวเป็นประจำอยู่แล้วหลายสิบตัว ทุกกุฏิที่ท่านอยู่จะต้องมีสัตว์ 2 ประเภทนี้ประจำการเสมอ เท่าที่สำคัญก็มี สิงห์ดอก โคล่า เจ้าอ้วน เจ้าดม ฯลฯ รวมทั้งสุนัขเดินหลงทาง สุนัขจรจัด ขาดที่พึ่งก็มีมาก คนไปปล่อยวัดก็มีมาก พระในวัดท่าซุงเกือบทุกองค์มีสุนัขอาศัยอยู่ด้วยทั้งสิ้น

หลวงพ่อเลี้ยงเธออย่างอิสระไม่ขังกรง แต่มีอาณาเขตกว้างขวางในรั้วรอบขอบชิด ไม่ปนกับสุนัขภายนอก สุนัขทั้งคู่นี้เธอแสนรู้มาก หลวงพ่อพูดภาษาไทยกับเธอ เธอรู้เรื่องทุกคำ และปฏิบัติตามตลอดไม่เคยลืม คนเราเสียอีกยังมีลืมบ้าง แต่สุนัขไม่ลืม

จาก 2 ชีวิต ขยายพันธ์กันในพวกเดียวกันนี่แหละ มิได้ปนกับสุนัขภายนอกเลย เวลานี้ถ้าไม่ตายเสียบ้างก็นับไม่ถ้วน เอาเฉพาะที่ยังอยู่ก็เกือบ 300 ชีวิต ปี 2532 หลวงพ่อย้ายที่พักจากตึกกลางน้ำไปอยู่ข้างวิหารแก้ว 100 เมตร และอยู่ที่นี่จนวาระสุดท้ายของชีวิตท่าน

หลวงพ่อท่านบอกเสมอทุกครั้งที่สุนัขคลอดลูกออกมาใหม่ ท่านตั้งชื่อให้แล้วบอกว่าตัวนี้เป็นใคร มาจากไหน เดิมชื่ออะไร ตายเพราะอะไร ลงมาเกิดเป็นสุนัขของหลวงพ่อเพราะอะไร และวันไหนที่สุนัขตาย หลวงพ่อจะบอกว่า เธอไปอยู่ที่ไหน มารายงานตัวแล้ว ก่อนตายเธอคิดอย่างไร

ผลสรุปก็คือ สุนัขทุกตัว เธอมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ 90 เปอร์เซนต์ นอกนั้นก็มาจากพรหม และจาตุมหาราช ไม่มีมาจากอบายภูมิเลย

ยามเย็นหลวงพ่อกลับจากทำงาน ลงจากตึกรับแขกกลับที่พัก หลวงพ่อจะลงนั่งกับพื้นปล่อยให้สุนัขเล็ก-ใหญ่ ทั้งหลายรุมเล่นท่าน งับแขน เลียมือ ดึงสายรัดเอว งับนิ้ว ดึงกุญแจ ดึงอังสะตามแต่เธอจะทำด้วยความคิดถึง แล้วหลวงพ่อก็ไปเยี่ยมสุนัขแม่ลูกอ่อนทีละห้องจนครบทุกแม่ บางแม่ก็มาตามหลวงพ่อเพราะยังไม่ถึงห้องเขาก็มาคอยรับหลวงพ่อแล้วพาไปดูลูกเขา หลวงพ่อจะเข้าไปในห้องเขา จัดที่นอนปูให้เรียบร้อย จับลูกเขามานอนตักท่าน สุนัขทุกตัวผ่านการนอนตักหลวงพ่อทั้งนั้น หลวงพ่อท่านทำประดุจเป็นพ่อบังเกิดเกล้าของเธอทุกตัว ดังนั้นสุนัขทุกตัวจึงรักหลวงพ่อ แม้เพียงได้ยินเสียงหลวงพ่อเขาก็เห่าหอนต้อนรับเกรียวกราว หลวงพ่อบอกว่า ให้หมาติดผ้าเหลืองไว้ ตายแล้วไปสวรรค์ทุกตัว

ยามค่ำคืนเมื่อเกิดฝนตก ฟ้าร้องน่ากลัว สุนัขกลัวเสียงฟ้าร้องมาก เขาจะพากันวิ่งไปรอบหน้ากุฏิหลวงพ่อ ฝ่าฝนเปียกปอนไปให้ถึงหลวงพ่อ แล้วหลวงพ่อก็ออกมานั่งกับพื้นเป็นเพื่อนปลอบใจเขามิให้กลัว จนกว่าฝนฟ้าคะนองจะหมดไป

(จากหนังสือ ” ประวัติหลวงพ่อพระราชพรหมยาน ” หน้า 427)



ที่มา บันทึกธรรมพระราชพรหมยาน

บุญมหาศาล การให้อาหารสุนัขแมวสัตว์จรจัด


 

วันอังคารที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2565

วิธีการป้อนยาน้องหมาอย่างถูกวิธีด้วยตัวเอง


วิธีป้อนยาแมวง่ายๆ ทำเองได้ที่บ้าน



ขมิ้นชันช่วยรักษาโรคข้ออักเสบ สุนัข แมว ฆ่าเชื้อและแก้อักเสบ

 




ขมิ้น ขมิ้นชัน เป็นเครื่องเทศที่ใช้กันทั่วไปในอาหารตะวันออก และยังใช้ในการแพทย์แผนตะวันออก โดยขมิ้นมีคุณสมบัติในการล้างพิษ เป็นยาฆ่าเชื้อตามธรรมชาติ บรรเทาอาการท้องเสียและรักษาโรคกระเพาะอาหาร ต่อต้านอนุมูลอิสระ รวมถึง ขมิ้น ยังมีฤทธิ์เป็นยาแก้อักเสบที่สามารถใช้รักษาโรคข้ออักเสบในน้องหมาได้อีกด้วย

สามารถช่วยรักษาลำไส้อักเสบสัตว์เลี้ยง หมา แมว ระยะเริ่มต้นได้  แต่ขมิ้นชันมีผลทำให้ภาวะเลือดจาง ควรให้ทานกับอาหารเสริมที่ช่วยบำรุงเลือดร่วมด้วยครับ

หญ้าปักกิ่ง ช่วยรักษาโรคไต มะเร็ง สุนัข แมว สัตว์เลี้ยงได้

 




เคสการใช้หญ้าปักกิ่งในสุนัข เจ้าของสุนัขให้อนุญาตแชร์ต่อเพื่อเป็นวิทยาทานค่ะ

เจ้าของสุนัข : น้องหมาที่บ้านอายุ 16 ปี น้ำหนัก 8 กิโล ป่วยเป็นโรคไตสามารถทานยา แคปซูลหญ้าปักกิ่ง ได้มั้ยคะ ไม่มีเจตนาลบหลู่นะคะอยากให้กินแต่ไม่แน่ใจจึงขอสอบถามก่อน ขอบพระคุณคะ

แอดมิน : ทานได้ค่ะ มีสุนัขหลายตัวแล้วที่ป่วยแล้วกินหญ้าปักกิ่งดีขึ้นค่ะ แต่เค้าตัวเล็กกว่าคน กินในปริมาณน้อยกว่าคนกินได้ เช่น มื้อละ 1 แคปซูล เช้า เย็น บำรุงได้เรื่อยๆค่ะ

...................2 เดือนผ่านไป...................

แอดมิน : น้องกินหญ้าปักกิ่งแล้วตอนนี้เป็นยังไงบ้าง

เจ้าของสุนัข : ดีขึ้นมากเลยคะ จากที่กินข้าวไม่ได้ตอนนี้กินข้าวได้ และไม่ซึมคะ ยืนยันเรื่องกินยานะคะ ตอนนี้ก็ยังให้กินอยู่คะ และจะให้กินต่อไปเรื่อยๆค่ะ เขากินข้าวได้ มีแรงขึ้น วิ่งได้ ดีใจมากคะ จากที่คิดว่าเขาอาจไม่รอด พยายามหาข้อมูลที่จะช่วยเขาก็มาเจอข้อมูลว่ามีเจ้าของสุนัขหลายท่านให้กินหญ้าปักกิ่งแล้วอาการดีขึ้น แต่จะหาหญ้าปักกิ่งมาคั้นสดก็หาไม่ได้ และได้มาเจอหญ้าปักกิ่งของสมุนไพรอภัยภูเบศรจึงเรียนสอบถามตามข้อความข้างต้น แล้วเขาก็ดีขึ้นจริงๆ จากที่เครียดมากและพยายามทำใจว่าอาจต้องเสียเขา ก็เบาใจได้เยอะเลยคะที่เห็นเขาดีขึ้น ขอบคุณมากๆคะ

นอกจากนี้ยังมีการใช้หญ้าปักกิ่งในสุนัขที่เป็นมะเร็ง ก็พบว่าให้ผลดี คุณภาพชีวิตของทั้งเจ้าตูบและเจ้าของก็ดีขึ้นค่ะ ^^ #LovemeLovemydog #หญ้าปักกิ่ง #สมุนไพรอภัยภูเบศร

หมายเหตุ กรณีเคสดังกล่าวเป็นเพียงประสบการณ์การใช้ ยังไม่มีงานวิจัยยืนยันการใช้หญ้าปักกิ่งในโรคไตโดยตรง ผู้นำข้อมูลไปใช้ควรใช้อย่างมีวิจารณญาณ


ขอบคุณที่มา

https://www.facebook.com/abhaiherb/photos/%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%AA%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%82-%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%82%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B9%81%E0%B8%8A%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2/972848666113540/

หญ้าหนวดแมว ช่วยขับปัสสาวะสำหรับแมว สุนัข สัตว์เลี้ยง ฉี่ไม่ออก เป็นนิ่ว


เมื่อน้องแมว..."ฉี่ไม่ออก"

น้องเคทในซิงค์ล้างมือทาสแมวเจ้าขา… เคยมีปัญหา “น้องแมวทูนหัว” ปัสสาวะไม่ออกไหม??... เรามีวิธีมาแนะนำจ้า

จากประสบการณ์การเลี้ยง “ทูนหัว” มากว่า 8 ปี น้อง ๆ ที่เลี้ยงระบบปิดจะค่อนข้างแข็งแรง เพราะที่บ้านทำวัคซีนให้ครบถ้วนทุกปี ดังนั้นจึงไม่มีโรคติดต่อมารบกวนสุขภาพของน้องแมว

น้องเคทข้างถังหมีพูห์แต่กระนั้น อยู่มาวันหนึ่งน้องแมวเกิดมีอาการ “ปัสสาวะไม่ออก” อาการของเขา ก็คือ พยายามเดินเข้ากระบะทรายแบบกระวนกระวายหลายรอบ และพยายามเบ่งแต่ก็ไม่มีปัสสาวะออกมา หรือมีออกมาก็น้อยมาก ทาสแมวอย่างเราก็เลยพยายามหาทางออกด้วยตัวเองในเบื้องต้นก่อน ด้วยการหาความรู้จาก google ซึ่งในนั้นมันมีอยู่หลายสูตรนะ แต่วิธีที่จะแนะนำวันนี้ เป็นวิธีที่ใช้ได้ผลจริงกับ "น้องเคท" แมวเปอร์เชียเพศเมียวัย 5 ปีที่บ้าน

น้องแมวเกิดอาการปัสสาวะผิดปกติ เกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความผิดปกติของระบบทางเดินปัสสาวะ ความเครียด ไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ รอบตัวแมว นอกจากนี้อีกสาเหตุหนึ่งที่พบได้บ่อย ก็คือ แมวเป็นนิ่วในทางเดินปัสสาวะ ซึ่งเกิดจากก้อนหินปูนหรือผลึกเกลือแร่ซึ่งเกิดในระบบทางเดินปัสสาวะ โดยที่ก้อนนิ่วสามารถอุดตันทางเดินปัสสาวะได้

นอกจากนี้ ก็ยังมีอีกหลายสาเหตุ อาทิ กระเพาะปัสสาวะอักเสบจากการติดเชื้อแบคทีเรีย หรือการเกิดเนื้องอก และปัญหาเรื่องพฤติกรรมการขับถ่ายของแมว เป็นต้น

น้องเคทอ้าปากสำหรับวิธีการดูแลรักษาเบื้องต้นที่เราใช้และได้ผลมา 2-3 ครั้ง ก็คือ เมื่อเราสังเกตอาการของน้องแมว จนแน่ใจแล้วว่ามีอาการปัสสาวะไม่ออก เราจะปฏิบัติดังนี้

1. วันแรก ใช้น้ำมะพร้าวอุณหภูมิปกติ(จากลูกมะพร้าว) ปริมาณ 1 แก้วน้ำดื่ม มาผสมกับสารส้มขนาดเท่าปลายนิ้วก้อย(บดละเอียด) คนส่วนผสมให้เข้ากันจนสารส้มละลายหมด แล้วใช้ไซริงค์ค่อย ๆ ดูดครั้งละ 1 ไซริงค์ ป้อนวันละ 4-5 ครั้ง

2. วันที่ 2 ใช้สมุนไพรหญ้าหนวดแมวชนิดชาชงขนาด 1 ซองชา มาแช่น้ำร้อน จากนั้นแบ่งน้ำชาออกมา 2/4 ของแก้ว แล้วเติมน้ำอุณหภูมิปกติผสมลงไปเพื่อเจือจางและลดความร้อน จากนั้นเติมน้ำหวานซึ่งเราใช้เฮลซ์บลูบอยสีแดงเติมลงไปเล็กน้อย(เพื่อให้แมวทานง่ายขึ้น) คนผสมน้ำชาและเฮลซ์บลูบอยให้เข้ากันดี  แต่ถ้าใช้สมุนไพรหญ้าหนวดแมวชนิดเม็ด ให้แบ่งเม็ดยาออกเป็น 4 ส่วน แล้วนำ 2/4 มาแช่น้ำร้อนให้ละลาย แล้วผสมแบบเดียวกับชนิดชาชง จากนั้นใช้ไซริงค์ค่อย ๆ ป้อนวันละ 4-5 ครั้ง เป็นเวลา 2 วัน

ปัสสาวะแมว

  • ภาพก้อนปัสสาวะของแมวในกระบะทรายหลังจากหายเป็นปกติ

เราสังเกตว่าหลังจากป้อนน้ำมะพร้าวผสมสารส้มบดละเอียดในวันแรกประมาณ 3-4 ครั้ง น้องแมวก็เริ่มปัสสาวะได้ พอเข้าสู่วันที่ 2 หลังจากให้ทานชาหญ้าหนวดแมวเข้าไปเพื่อช่วยเพิ่มการขับปัสสาวะ น้องก็ปัสสาวะได้ดีขึ้น และหายเป็นปกติ ตัวสมุนไพร "ชาหญ้าหนวดแมว" หาซื้อได้ตามร้านขายสินค้าเพื่อสุขภาพ 7-eleven บางสาขาก็มี

เคทนอนหงายเคทหลังจากที่น้องหายป่วยแล้ว เราต้องดูแลเรื่องการกินน้ำของน้อง ควรให้น้องดื่มน้ำสะอาดและดื่มน้ำเป็นประจำ ล้างภาชนะใส่น้ำและเปลี่ยนน้ำทุกวัน ถ้าเห็นว่าน้องแมวดื่มน้ำน้อยสามารถใช้ไซริงค์ช่วยป้อนน้ำเพิ่ม เพื่อให้มีปริมาณเพียงพอต่อวันได้ และหมั่นสังเกตกิจวัตรและอาการเจ็บป่วยต่าง ๆ ของน้องอย่างสม่ำเสมอ

วิธีที่เราทำเป็นการดูแลหลังจากที่พบอาการผิดปกติตั้งแต่เริ่มแรก เพราะเราเลี้ยงแบบใส่ใจมาก จะสังเกตเขาทุกครั้งที่ขับถ่ายทั้งปัสสาวะและอุจจาระ ดังนั้นเมื่อเกิดความผิดปกติเราจะแก้ไขได้ทันท่วงที สิ่งที่เรานำมาแบ่งปันเป็นเพียง 1 ทางเลือกสำหรับทาสแมว ที่ต้องการรักษาแบบธรรมชาติ แต่ถ้าน้องแมวตัวไหนมีอาการค่อนข้างหนัก คือ มีเลือดออกปนกับอาการปัสสาวะกระปริบกระปรอย ควรพาน้องไปพบสัตวแพทย์เพื่อขอคำแนะนำและทำการรักษา อย่าปล่อยไว้นานเดี๋ยวจะไม่ทันการณ์นะจ๊ะ

ขอบคุณที่มา https://intrend.trueid.net/article/%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%88%E0%B9%8B%E0%B8%B2-%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%89%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%81-trueidintrend_36026

วันศุกร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2565

น้ำผึ้ง รักษาตับอักเสบหมาแมว




น้องหมาเราอายุ 12 ขวบ เป็นโรคลิ้นหัวใจรั่ว แล้งบังเอิญวันหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ น้องเรามีเห็บหมัดเต็มตัวเลย เอาออกยากมาก เพราะน้องเราไม่ค่อยชอบให้หา โดยปกติแล้วเนี่ย เราจะหยอดยาให้น้องค่ะ แต่ก็หยุดไปนานพอสมควรแล้ว เพราะเคยอ่านเจอว่ามันอันตราย แต่บังเอิญได้ไปถามคุณหมอเกี่ยวกับยาตัวนี้ คุณหมอบอกมาว่า มันไม่อันตราย มีส่วนผสมเหมือนยี่ห้ออื่นๆนั่นแหละ แต่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนเฉยๆเลยไม่มีอย. และราคาถูก เพื่อนๆน่าจะรู้แล้วว่ายี่ห้ออะไร Detick นั่นเองค่ะ


เราก็เลยหยอดยาให้น้อง วันแรกยังไม่มีปัญหาอะไร ยังปกติ พอวันที่สองเท่านั้นแหละค่ะ น้องเราไม่ยอมกินข้าว ดูเพลียๆ ไม่มีแรง เป็นลมด้วย เราก็ตกใจมาก เพราะกังวลว่าหัวใจน้องจะมีปัญหาอะไรหรือเปล่า บอกก่อนว่า ก่อนหน้าที่จะรู้ว่าน้องเป็นโรคหัวใจ น้องเป็นลมบ่อยมากค่ะ เพราะเลือดจางด้วย ไปตรวจมาถึงรู้ แต่พอให้ยาขยายหลอดเลือดแล้ว น้องก็ดีขึ้นมากๆ พอหายจากเลือดจางก็ปกติเลยค่ะ พอมาเป็นลมแบบนี้เราเลยคิดว่ามันอาจเกี่ยวกับหัวใจน้อง


ทีนี้ พอวันที่ 3 อาการน้องแย่ลงอีก ข้าวไม่กินเลย กระสับกระส่าย นอนก็ไม่หลับ เหมือนอยู่ไม่ถูก แต่ตอนนั้นที่บ้านก็เริ่มคิดว่าอาจเป็นเพราะยาหยอดเห็บ ทีนี้ ก็เลยพาน้องไปตรวจค่ะ ปรากฏว่าเลือดจางมาก เหลือแค่ 15% และค่าตับก็ขึ้นไป 200 กว่า ซึ่งถือว่าอันตรายสำหรับหมาชรา  คุณหมอฉีดยาแก้อักเสบให้ แล้วก็ให้น้ำเกลือ มียากินมาให้อีกสองตัว คือยาฆ่าเชื้อกับยาบำรุงตับ


เราก็ป้อนไปตามที่คุณหมอบอก พร้อมกับยาขยายหลอดเลือดและวิตามินบำรุงเลือด น้องกินยาเยอะมาก วันแรกที่ให้น้ำเกลือก็โอเค น้องดูดีขึ้น

แต่มาวันที่สองก็เริ่มไม่ค่อยดี ผุดลุกผุดนั่ง ไม่ยอมกินข้าว ดูเหนื่อยและเพลียกว่าวันแรกมาก เลยพาไปหาหมออีก ปรากฏว่า ค่าตับสูงขึ้น และเลือดจางลงอีก


ตอนนั้นเราหน้าเสียเลยค่ะ ร้องไห้เลย เครียดมาก ที่บ้านเลยคิดกันว่า อาจเป็นเพราะน้องกินยาเยอะ เป็นตับอักเสบอยู่แล้วยังได้รับยาจำนวนมากเข้าไปอีก ร่างกายเลยยิ่งแย่ พอคุยกับคุณหมอ คุณหมอเลยแนะนำให้หยุดยาหัวใจ แล้วกินแต่ยารักษาตับ

แต่เรามองว่ามันไม่เวิร์ค เพราะถ้าน้องไม่ได้ยาหัวใจน้องจะเหนื่อยมาก


เลยตัดสินใจว่าเราจะให้หยุดยารักษาตับทั้งหมด แล้วป้อนน้ำผึ้งแทน ซึ่งที่จริงแล้ว น้องเราไม่ชอบยาแก้อักเสบค่ะ เมื่อหลายปีที่แล้ว เคยเป็นมดลูกอักเสบแล้วพาไปฉีดยา กลับมาแย่กว่าเก่า คราวนั้นเลยหยอดน้ำผึ้งจนน้องหาย ต่อมาเคยเป็นตับอักเสบอีก ไปฉีดยาแล้วแย่ลงเหมือนกัน เราเลยไม่ป้อนยาอะไรเลย แล้วหยอดน้ำผึ้งจนหายอีก


คราวนี้เราเลยตกลงกันว่าจะรักษาน้องแบบเดิม แบบธรรมชาติ เพราะมั่นใจแล้วว่าน้องไม่ถูกกับยาหมอจริงๆ เชื่อไหมคะ ว่าน้องดีขึ้นทันตาเห็นเลย เราให้น้ำผึ้งผสมกับไข่แดงบด เพื่อบำรุงเลือด วันต่อมาอาการดีขึ้นแบบชัดเจน แล้วประมาณ 3 วันหลังจากนั้น น้องก็ปกติเลย เห่าขอกินเหมือนเดิม เดินไปฉี่เอง ไม่เหนื่ือยไม่หอบ นอนสบายเลยค่ะ


เราคิดอยู่นานว่าจะเอามาแชร์ดีไหม เพราะน้องยังไม่ได้ตรวจเลือดอีกเลยค่ะ ยังไม่ทราบค่าตับปัจจุบัน แต่เราค่อนข้างมั่นใจว่าน้องหายแล้ว และคิดว่าเลือดก็เกือบปกติแล้วด้วย

เลยเอามาแชร์เผื่อว่าเพื่อนๆคนไหนมีปัญหาแบบนี้ ลองน้ำผึ้งดูนะคะ วิธีธรรมชาติไม่อันตรายแน่นอน

ที่สำคัญ อย่าหยอด Detick ให้น้องหมานะคะ กระทู้เก่าๆในพันทิปก็บอกว่าอันตรายมากค่ะ


https://pantip.com/topic/30935834